ระบบ Auto Focus ของกล้องในปัจจุบันมีประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว
และความแม่นยำสูงมาก
แต่ก็มีความสลับซับซ้อนในการปรับตั้งอยู่พอสมควรเมื่อเทียบกับกล้องคอมแพค
ดังนั้นเพื่อให้ได้ประสิทธิผลสูงสุดในการใช้งาน
จึงขอแนะวิธีในการปรับตั้ง
ระบบออโตโฟกัสของกล้องตามลำดับดังนี้
1) ปรับปุ่มโฟกัสที่ตัวเลนส์ไปยังตำแหน่ง Auto
2) เลือกจุดหรือส่วนของพื้นที่ที่ต้องการโฟกัส Focus Area Selection
โดยปกติของกล้องคอมแพค ถูกออกแบบให้โฟกัสเฉพาะพื้นที่ตรงส่วนกลางของจอภาพมอนิเตอร์หรือช่องมองภาพ (View Finder) เท่านั้น แต่สำหรับกล้อง D-SLR
ได้ถูกออกแบบให้มีพื้นที่หรือจุดโฟกัสให้เลือกใช้มากมายหลายจุด
ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของกล้องนั้นๆ โดยทั่วไปแล้วมีตั้งแต่ 3-51 จุด
พร้อมทั้งระบบการเลือกจุดโฟกัสให้ใช้หลายระบบ ขึ้นอยู่กับ ตำแหน่งของ
Subject ที่ต้องการถ่าย โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถจำแนกออกเป็น 3 ระบบดังนี้
+ Auto-area AF กล้องจะเลือกจุดสำหรับโฟกัสให้โดยอัตโนมัติ
ซึ่งจะดำเนินการโดยเลือก Subject ที่อยู่ใกล้สุดเป็นหลักในการเลือกจุดโฟกัส
+ Single-area AF เป็นโหมดที่ผู้ใช้เลือกจุดการโฟกัสด้วยตัวเองเพียงจุดเดียว
เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการโฟกัส
+ Dynamic-area AF (มี
เฉพาะในกล้อง Nikon) เป็นการให้เลือกจุดโฟกัสเพียงจุดเดียว
เหมือน Singel-area
เพียงแต่กล้องยังคงใช้ข้อมูลของพื้นที่อื่นเป็นส่วนประกอบในการกำหนดโฟกัส
ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่ Subject
อาจจะเคลื่อนที่ออกนอกจุดโฟกัสไปบ้างหรือเป็นเวลาสั้นๆ
3) เลือกโหมดออโตโฟกัส Auto Focus Mode
หลักการเลือกโหมดออโตโฟกัสของกล้อง D-SLR ขึ้นอยู่กับกิริยาอาการของ
Subject เป็นหลัก การเลือกโหมดที่ถูกต้องเหมาะสมกับ Subject
ทำให้เราสามารถถ่ายภาพได้ในสิ่งที่ถ่ายได้ยาก
เพื่อที่จะให้เข้าใจง่ายไม่สับสนจึงขอแยกกล่าวการเลือกโหมดออโตโฟกัสระหว่าง
กล้อง Nikon และ Canon ดังนี้
สำหรับกล้อง Nikon
- Single Servo AF (AF-S)
ในโหมดนี้กล้องจะทำการโฟกัสวัตถุอย่างต่อเนื่องเมื่อกดปุ่มชัตเตอร์ลงมา
ครึ่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าวัตถุยังคงเคลื่อนที่อยู่
แต่เมื่อวัตถุหยุดการเคลื่อนไหวกล้องจะล็อกโฟกัสไว้และยังคงล๊อกการโฟกัส
ตลอดที่ยังคงกดชัตเตอรค้างไว้์ ไฟ LCD ในช่องมองภาพจะติดแสดงการล็อกโฟกัส
ในโหมดนี้จะเน้นความสำคัญการโฟกัสเป็นหลัก
นั่นหมายถึงการกดชัตเตอร์จะกระทำได้เมื่อโฟกัสถูกล็อกเท่านั้น
แต่ถ้าหากวัตถุเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องไม่หยุด
การโฟกัสยังคงทำงานต่อเนื่องจนกว่ากล้องจะจับการโฟกัสได้ จึงจะกดชัตเตอร์ได้
ในโหมดนี้กล้องจะทำการดักการโฟกัสล่วงหน้าในกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่เข้าหรือ
ออกจากตัวกล้องอีกด้วย
- Continuous Servo AF (AF-C)
กล้องจะโฟกัสอย่างต่อเนื่อง เมื่อกดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง
เหมือนการทำงานในโหมดแรก
แต่กล้องจะไม่มีการล๊อกโฟกัสถึงแม้ว่าวัตถุจะหยุดการเคลื่อนไหว
โดยกล้องจะเน้นความสำคัญของการกดชัตเตอร์เป็นหลัก
โดยไม่สนใจว่ากล้องจะจับโฟกัสได้หรือไม่
- Manual Focus (M) เน้นการปรับโฟกัสด้วยมือ โดยการหมุนวงแหวนโฟกัสที่เลนส์ โดยมีไฟ LCD ปรากฏในช่องมองภาพเมื่อโฟกัสได้ระยะชัด
- Auto Servo AF (AF-A)
มีเฉพาะรุ่น D40x, D60, D80 หรือเทียบเท่า กล้องจะทำการตรวจสอบ Subject
ว่ามีการเคลื่อนไหวหรือไม่ แล้วทำการเลือกโหมดระหว่าง AF-S และ AF-C ให้เราเอง
สำหรับกล้อง Canon
- One Shot AF
ในโหมดนี้กล้องจะทำการโฟกัสตรงจุดโฟกัสที่ได้เลือกไว้เมื่อกดปุ่มชัตเตอร์ลง
มาครึ่งหนึ่ง หลังจากกล้องโฟกัสชัดแล้วก็จะล็อกโฟกัสไว้ ไฟ LCD
ในช่องมองภาพจะแสดงการล็อกโฟกัส ในโหมดนี้จะเน้นความสำคัญการโฟกัสเป็นหลัก
นั่นหมายถึงการกดชัตเตอร์จะกระทำได้เมื่อโฟกัสถูกล็อกเท่านั้น
- AI Servo AF
กล้องจะทำการโฟกัสอย่างต่อเนื่องเมื่อกดปุ่มชัตเตอร์ลงมาครึ่งหนึ่ง
และกล้องจะชดเชยการโฟกัสไว้ (การดักโฟกัสล่วงหน้า) เมื่อ Subject
มีการเคลื่อนไหว ในโหมดนี้กล้องจะเน้นความสำคัญของการกดชัตเตอร์เป็นหลัก
โดยไม่สนใจว่ากล้องจะจับโฟกัสได้หรือไม่ ยกเว้นเข้าไปเปลี่ยนคำสั่งใน
Custom Function
3) AI Focus AF
กล้องจะทำการโฟกัสในโหมด One Shot AF เมื่อกดปุ่มชัตเตอร์ลงมาครึ่งหนึ่ง
ซึ่งถ้ากรณีที่ Subject มีการเคลื่อนไหว กล้องจะเปลี่ยนการทำงานไปที่โหมด
AI Servo AF ทันที
ปล. สำหรับกล้อง nikon จะมีไฟช่วยโฟกัสด้วย แต่ไฟจะทำงานเฉพาะเมื่อเลือกจุดโฟกัส
เป็นจุดตรงกลางเท่านั้นนะครับ ส่วน canon ใช้แฟลชยิงช่วยหาโฟกัส ก็พอแก้ขัดได้
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น